Previous Next

ประวัติและความเป็นมา "หลวงพ่อทวด พิมพ์พระรอดหน้าใหญ่ เนื้อว่าน ปีพ.ศ.2497"

หลวงพ่อทวด พิมพ์พระรอดหน้าใหญ่ เนื้อว่าน ปีพ.ศ.2497 พระหลวงพ่อทวดพิมพ์พระรอดใหญ่ เนื้อว่าน ปี พ.ศ.2497 พระหลวงพ่อทวดถือได้ว่าเป็นพระนิรันตรายที่นักสะสมพระเครื่องควรมี พระพิมพ์พระรอดที่นำมาให้ชมองค์นี้ มีสภาพสวยดูง่าย มีไขว่าน และคราบน้ำว่านปรากฏอยู่ ซึ่งเป็นแนวทางในการพิจารณาพระเนื้อว่าน ปีพ.ศ.2497อยู่แล้ว <br /> พระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน ปี พ.ศ.2497 สร้างจากมวลสารว่านสด 108 อย่างผสมกับดินกากยายักษ์ นำมาตำขณะยังสดอยู่ ในท้องถิ่นเรียกว่า ว่านเป็น จากนั้นถึงได้นำมาเคล้ารวมและกดพิมพ์พระ ขณะที่กดพิมพ์ต้องใช้กำลังพอสมควร ทำให้ยางน้ำว่านจะไหลออกมาด้านข้างเหมือนเรากดพิมพ์ขนมที่มีส่วนผสมที่เปียก ทำให้มีคราบน้ำว่านไหลมาเคลือบที่ผิวชั้นนอก เมื่อนานวันเข้าก็จะแห้งเป็นคราบสีน้ำตาล ถ้าองค์ไหนที่มีส่วนผสมของว่านเยอะก็จะปรากฎไขว่านสีขาวขุ่นออกมา <br />  อีกประการหนึ่งความสำคัญของเม็ดแร่อยู่ด้านหลังพระหลวงพ่อทวดเนื้อว่าน ปีพ.ศ.2497 นั้น เป็นแร่ที่คุณ อนันต์ คณานุรักษ์ <br /> ซึ่งขณะนั้นท่านประกอบธุรกิจทำเหมืองแร่ เรียกว่า แร่กิมเซียว  ได้นำมาโรยหรือกดแตะลงไปในองค์พระ และเมื่อมาส่องพิจารณาเม็ดแร่ก็ปรากฏว่ามีสีเหลืองอ่อนๆ แต่พอนานวันเข้า เม็ดแร่จะมองเห็นเหมือนสีโครเมียม ที่สำคัญด้วยความเก่ากว่า 67 ปี จะปรากฎคราบสนิมแร่อันเป็นจุดในการพิจารณาอีกทางหนึ่ง <br />  <br /> นอกจากนี้ความสำคัญในการพิจารณาและเรียนรู้มวลสารพระเนื้อว่านปี พ.ศ.2497 ควรต้องนำพระไปถ่ายรูปพร้อมกับขอภาพเป็นไฟล์ ซึ่งปัจจุบันนิยมส่งกันทางไลน์อยู่แล้ว และนำรูปพระเนื้อว่านที่ได้ถ่ายไว้ มาขยายดูในคอมพิวเตอร์หรือในมือถือของเราเอง จะเห็นว่ามวลสารของพระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน พ.ศ.2497 ไม่ว่าจะแก่ดิน หรือแก่ว่าน จะมีมวลสารที่เห็นได้ชัดในทุกองค์ ว่ามี เม็ดดำ เม็ดแดง(เศษอิฐเผาเล็กๆ) และเม็ดขาว ที่สำคัญพระหลวงพ่อทวดอาจจะมีคราบน้ำว่าน แต่ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวว่าต้องมีไขว่านทุกองค์ <br />  <br /> และเมื่อพิจารณาอย่างละเอียดโดยรวมจากภาพที่ขยายดู ยิ่งเข้าใจได้ว่า เนื้อหามวลสารของพระเนื้อว่าน หลวงพ่อทวด ปีพ.ศ.2497นั้น มวลสารหรือเนื้อพระจะออกหลวมๆไม่แน่นและปรากฏรอยแตกรานขึ้นในองค์พระ อันเนื่องมาจากความเก่าตามอายุของพระนั่นเอง หากเราหมั่นสังเกตบ่อยๆ หรือได้มีโอกาสส่องพระแท้บ่อยๆย่อมเข้าใจและสามารถแยกแยะระหว่างพระแท้และพระปลอมได้ด้วยตนเอง มีเหตุผลที่สามารถตอบกับตนเองได้ว่า พระองค์นี้แท้อย่างไร ไม่แท้อย่างไร สิ่งเหล่านี้เป็นเสนห์ในองค์ความรู้ที่เราศึกษาและเข้าใจ ครับผม