พระงบนำ้อ้อย หลวงพ่อเนียม วัดน้อย เนื้อตะกั่ว พิมพ์สตางค์สิบ(พิมพ์กลาง) จ.สุพรรณบุรี
🔴พระงบนำ้อ้อย หลวงพ่อเนียม วัดน้อย เนื้อตะกั่ว พิมพ์สตางค์สิบ(พิมพ์กลาง) อำเภอบางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ท่านเกิดในราว พ.ศ. ๒๓๗๒ มรณภาพ พ.ศ. ๒๔๕๓ รวมอายุได้ ๘๑ ปี ว่ากันไปแล้ว หลวงพ่อเนียมท่าน ถือเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดใน จ.สุพรรณบุรี เป็นเกจิยอดนิยมอันดับหนึ่งในใจของคุณสุพรรณมานาน ทำไมพระท่าน ที่สร้างด้วยเนื้อตะกั่ว กลับมีราคาเล่นหาที่สูงค่ามาก โดยเฉพาะบางพิมพ์นั้น เล่นหากันแพงในระดับเป็นแสนปลายถึงล้านต้นๆเลยทีเดียว ทั้งที่เป็นเพียงโลหะตะกั่วเท่านั้น เพราะ พุทธคุณ อันสูงส่งไงครับ เรามักจะได้ยิน ประสบการณ์เหนือมัจจุราชพญายมจากพระเครื่องลพเนียมเสมอๆ เคยฟังคนเก่าคนแก่เล่าว่า ตอนท่านมรณภาพ แม้แต่ตะปูในกุฎิก็ไม่เหลือเพราะ ชาวบ้านเก็บหมด ว่ากันว่าท่านอาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์ และ ท่านมรณภาพในท่าปางไสยาสน์ด้วยครับ สมัยลพเนียม มีชีวิตอยู่ เท่าที่ทราบ ไม่เคยมีรูปถ่ายท่าน เพราะเขาเล่ากันว่า ด้วยความศักดิ์ศิทธิ์ของท่านนั่นเอง ถ่ายรูปกันเท่าไรก็ไม่ติด รูปที่เราเห็นๆกัน นั้นเป็นรูปถ่ายหลังมรณภาพแล้วทั้งสิ้น 📌ประวัติ มีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่โบราณถึงประวัติของหลวงพ่อเนียม วัดน้อย ว่าท่านได้อุปสมบทและศึกษาพระธรรมวินัย ตลอดจนพุทธาคมทางด้านต่างๆ ในสำนักสุดยอดพระคณาจารย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คือ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ณ วัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรี เป็นเวลาประมาณ ๒๐ ปีเศษๆ ก่อนที่จะเดินทางกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอน ใน จ.สุพรรณบุรี ประมาณ พ.ศ. ๒๔๑๓ ถ้าว่ากันไปตามประวัตินี้ แสดงว่า พระอาจารย์ของท่านคือ สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสีนั่นเอง แสดงว่าพื้นฐานวิชาที่ท่านได้ศึกษามาย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หลังจากที่ท่านร่ำเรียนจบเดินทางกลับบ้านเกิด ชาวบ้านนิมนต์ท่านไปพำนักที่วัดน้อย ซึ่งเคยเป็นวัดร้างเสื่อมโทรม ท่านได้เป็นที่เลื่อมใสของชาวบ้าน มีชื่อเสียงขจรไกลไปทั่วในความศักดิ์สิทธิ์ ได้พัฒนาวัดน้อย จนเจริญรุ่งเรือง มีเกจิดังๆ ที่จบจากสำนักท่านหลายท่าน เช่น ลพปาน วัดบางนมโค และ ลพโหน่ง วัดคลองมะดันเป็นต้นครับ เรียกว่า ลพเนียม ท่านเป็นอาจารย์ของอาจารย์เลยครับ 📌เนื้อหา พระลพเนียมนั้น เป็นเนื้อชินปนตะกั่วผสมปรอท อายุนับร้อยปี เพราะฉะนั้น จะมีความแห้งเก่าอย่างชัดเจน เนื้อจะออกสีดำตีนกา คล้ายๆกับเนื้อชินเงินของพระมเหศวรเลยทีเดียว เนื้อตะกั่วนั้น เมื่อหล่อหลอมเป็นองค์พระแล้ว ทิ้งไว้จนเวลาล่วงเลยไป มักจะมีคราบไขน้ำมันตะกั่วซึมออกนอกองค์พระ เห็นไขขาว ตามซอกมุมต่างๆ และ ท่านผสมปรอทลงไปด้วย เพราะ ฉะนั้นจะเห็นคราบปรอทได้ และ เมื่อใช้พระไป จะยิ่งดูง่าย โดย เนื้อพระที่ถลอก นั้น จะเห็นเนื้อในขาวแบบเงินยวง เพราะ มีปรอทผสมนั่นเอง และ ถ้าเนื้อพระที่ถลอกเปิดออกนั้น ถ้าไม่ได้ถูกเหงื่อไคล จะไม่กลับดำอีกเลย จะขาวอยู่อย่างนั้นตลอดไปครับ และลักษณะอีกประการของพระหลวงพ่อเนียม วัดน้อย เป็นพระเนื้อชินตะกั่ว มีการสึกหรือเป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย เพราะมีส่วนของตะกั่วผสมกับปรอท ซึ่งมีลักษณะอ่อนนิ่มกว่าเนื้อโลหะชนิดอื่น พระหลวงพ่อเนียม บางองค์ เมื่อเก็บเอาไว้เป็นเวลานานๆ จะเกิดสนิมไขปนสนิมแดงอ่อนๆ ตามซอกขององค์พระได้ เพราะ ฉะนั้น การดูนั้นให้พิจารณาดูพิมพ์เป็นหลัก รวมทั้งคราบความเก่าที่ติดตามซอกตามมุม ตลอดจนรอยขีดข่วนเป็นตำหนิ เนื่องจากเนื้อตะกั่วมีความอ่อนในตัว หากกระทบกระแทกมักจะเกิดเป็นรอยได้ง่าย 📌ของเก๊ ให้ระวังให้จงหนัก ได้มาไม่แน่ใจ ควรเอาไปตรวจสอบกับผู้ชำนาญจริง หรือ เอาไปแห่ตีขายในสนามพระเลยครับ เพราะ พระท่านสร้างด้วยเนื้อตะกั่ว อะไรๆที่เป็นตะกั่ว ก็ยัดเข้าเป็นลพเนียมหมด พระเก๊ เนื้อโลหะไม่เก่า ไม่เป็นธรรมชาติ ดูไม่มีเสน่ห์ เหมือนของแท้ครับ 📌พิมพ์พระ สำหรับวัตถุมงคลต่างๆ ที่หลวงพ่อเนียมได้สร้างเอาไว้มีหลายพิมพ์ด้วยกันท่านมักสร้างพระด้วยเนื้อตะกั่ว ซัดผสมด้วยปรอท โดยลอกเลียนแบบพิมพ์มาจาก พระกรุเก่าๆ เช่น พระปรุหนัง พระงบน้ำอ้อย เป็นต้น แต่บางพิมพ์ก็แกะขึ้นมาเองก็มี พระเครื่องของท่านนั้นมีทั้งบรรจุกรุและไม่ได้บรรจุกรุ การเล่นหาพระหลวงพ่อเนียมนั้น ต้องระวังกันมากพอสมควร เราควรเลือกหาพิมพ์ที่มีมาตรฐานตามสากลยอมรับกันมาตั้งแต่โบราณเป็นส่วนใหญ่ เพราะ พระเนื้อตะกั่วหลายๆสำนักที่ยัดวัดกันไม่ได้ก็มักตีเข้าเป็นของหลวงพ่อเนียมเสมอครับ พิมพ์ที่นิยมเล่นหาเป็นมาตรฐานมี ดังนี้ ๑.พระพิมพ์เศียรโล้น แบ่งออกเป็นพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก มีทั้งหน้าเดียวและสองหน้า ๒.พระพิมพ์เศียรแหลม ๒ หน้า เท่าที่พบมีด้วยกัน ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์หน้าใหญ่ ไหล่ยก ซึ่งเป็นที่นิยมกันมาก และอีกพิมพ์หนึ่ง ซึ่งเรียกกันว่า เศียรหยิก โดยบริเวณขอบพิมพ์บนเป็นรอยร่องปาดเฉียง ค่านิยมจึงเป็นรองพิมพ์หน้าใหญ่พอสมควร ๓.พระพิมพ์งบน้ำอ้อย แบ่งออกเป็นพิมพ์ย่อยทั้งหมด ๓ พิมพ์ด้วยกัน คือ ๑.พิมพ์ใหญ่ ๒.พิมพ์กลาง ๓.พิมพ์เล็ก พระทั้ง ๓ พิมพ์นี้ค่านิยมการสะสมจะแตกต่างกันไป รวมทั้งภาพความชัดเจนขององค์พระด้วย พระหลวงพ่อเนียม พิมพ์งบน้ำอ้อย เป็นพิมพ์ที่มีความนิยมสูงมาก จึงมีของพระปลอมที่ทำเลียนแบบมากที่สุด ในบรรดาพระหลวงพ่อเนียม วัดน้อย ๔.พิมพ์พระประธานเล็ก แบ่งออกเป็น ๒ พิมพ์ด้วยกัน คือ พิมพ์ฐานเตี้ย และพิมพ์ฐานสูง ส่วนค่านิยมอยู่ที่ความสวยขององค์พระ ๕.พิมพ์พระเจ้า ๕ พระองค์ (หลังยันต์นะอุณาโลม) แบ่งออกเป็นพิมพ์ยันต์ใหญ่และ พิมพ์ยันต์เล็ก และพิมพ์ไม่มียันต์หลัง เฉพาะพิมพ์ด้านหลังไม่มียันต์จะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน เพราะว่ามีพระกรุวัดสุพรรณที่สร้างอายุใกล้เคียงกัน แต่องค์พระและลักษณะจะไม่เหมือนกันทีเดียว รวมทั้งเนื้อหามวลสารด้วย ๖.พิมพ์ปรุหนัง เป็นพระพิมพ์ใหญ่ ทำให้ค่านิยมการสะสมมีน้อยกว่าพิมพ์อื่นๆ เพราะสร้างด้วยเนื้อตะกั่วผสมปรอทแบบด้าน จึงทำให้พระมีน้ำหนักค่อนข้างมาก ๗.พิมพ์พระประธานใหญ่ เป็นพระที่มีน้ำหนักค่อนข้างมากเช่นกัน ค่านิยมจึงด้อยกว่าพิมพ์อื่นๆ นอกจากนี้ยังมีพระพิมพ์อื่นๆ อีกบางพิมพ์ที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ครับ ยังไงก็ตามการสะสมต้องปรึกษาผู้รู้สายตรงไว้ก่อนจะปลอดภัย พระพิมพ์นี้จะ มีองค์พระสิบองค์ พระเศียรชนกัน พระเกตุมาลาแหลมยาว มี 2-3 ขนาด เรียกกันว่า พิมพ์ธรรมดา (เท่าสตางค์ 5 สมัยก่อน) อีกพิมพ์หนึ่ง พิมพ์สตางค์แดง ขนาดใหญ่เท่ากับสตางค์แดง 1 สตางค์สมัยก่อน ความเป็นจริงแม่พิมพ์เป็นดินสีแดงมีอันเดียว ลุงคำบวชเป็นเณรเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเนียมเป็นคนเทพระงบน้ำอ้อย บอกว่าแม่พิมพ์เป็นดินสีแดงมีอันเดียว เทแรก ๆ องค์พระยังเล็กและมีความชัดเจน นานไป ๆ แม่พิมพ์ดินถูกความร้อนของตะกั่วกัดทำให้แม่พิมพ์เฟิกขยายออก จึงเรียกกันว่า พิมพ์สตางค์แดง ครับ #ป๋องสุพรรณการันตี
อัพเดต: 07/07/2025
| อ่าน: 626 คน
ประวัติและความเป็นมา "พระท่ามะปราง แห่งเมืองกำแพงเพชร"
04/06/2020
7,308
ประวัติและความเป็นมา "พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เกศบัวตูม"
12/11/2021
1,721
ประวัติและความเป็นมา "องค์พ่อจตุคามรามเทพ พิมพ์เล็ก รุ่นแรก (เนื้อขาวปัดทอง)"
03/09/2020
3,772
พระหลวงพ่อโสธร เหรียญ แหนบทองคำ ลงยาสีแดง ปี พ.ศ. 2509 (พิมพ์นิยม) วัดโสธรวรารามวรวิหาร
04/05/2025
484